You Are Looking For

อาหารไทยเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อในเรื่องของรสชาติความเผ็ดจัดจ้าน มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติเมื่อได้ลองรับประทานแล้วต่างก็ชื่นชอบในรสชาติ และรสมือในความเป็นไทย หนึ่งในเมนูที่ขึ้นชื่อและหลายคนนิยมทำรับประทานนั่นก็คือ น้ำพริกกะปิ เป็นเมนูที่ทำได้ง่ายรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ เป็นต้องถูกใจอย่างแน่นอน วันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูวิธีทำน้ำพริกกะปิที่มาในรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการนำอาหารไทยมาประยุกต์รูปแบบการเสิร์ฟรับประทานแบบญี่ปุ่น ด้วยการนำมาทำเป็นชูชิ จะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลย น้ำพริกกะปิ สูตรประยุกต์ ดัดแปลงมาเป็นชูชิน้ำพริกกะปิ ที่ไม่เหมือนใคร เมื่อคุณต้องการที่จะทำเมนู น้ำพริกกะปิ เบื่อน้ำพริกกะปิในรูปแบบเดิมๆ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปดูวิธีทำน้ำพริกกะปิที่เป็นสไตล์ผสมผสานรูปแบบการเสิร์ฟ อาหารไทย ด้วยการนำมาทำเป็นชูชิ รับรองว่าจะเป็น เมนูอาหาร ที่แสนอร่อย น่ารับประทาน ได้รับความสนใจจากผู้ที่พบเห็นอย่างมาก จะมีวิธีการทำอย่างไรนั้นไปดูกันเลย วัสดุอุปกรณ์ในการทำ -พริกสด -กระเทียม -กระปิ -ถั่วฝักยาว -แตงกวา -มะนาว น้ำปลา ผงปรุงรส น้ำตาลปี๊บ  -ผักสดนานาชนิด -ไข่ ปลาทู ขั้นตอนและวิธีการทำ นำกระเทียม พริกสด ใส่ลงไปในครกตำให้ละเอียด ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำตาลปี๊บ ผงปรุงรส น้ำปลา เมื่อได้รสชาติตามต้องการแล้ว ใส่น้ำต้มสุกลงไป ชิมรสอีกครั้งและตักใส่ถ้วยไว้ นำไข่ 4 ฟอง มาตอกลงในถ้วยตีให้ละเอียด …

ถ้าหากคุณจะหาว่าเมนูอาหารใดจะมีการผสมผสานระหว่างเครื่องปรุงกับข้าวที่มีความแปลกแหวกแนวไม่เหมือนเมนูอาหารใดๆ ก็ต้องขอแนะนำเลยว่าจะต้องเป็นเมนู ข้าวคลุกกะปิ เท่านั้น เพราะด้วยเมนูนี้เป็นเมนูที่มีความแตกต่างจากเมนูอาหารอื่นๆอย่างชัดเจนด้วยการจัดตกแต่งจานตั้งแต่เริ่มแรกเห็น ซึ่งความแตกต่างนี้มีอะไรบ้างในที่นี้เราก็จะมากล่าวถึงกัน ดังนี้ เริ่มจากการที่คุณเห็นว่าเมนูอาหาร ข้าวคลุกกะปิ นี้ ข้าวที่คุณจะได้ทานนั้นมีสีออกคล้ำคล้ายๆกับข้าวกล้อง แต่บอกเลยว่าเป็นข้าวที่มีการคลุกกับกะปินั่นเอง ฉะนั้น ข้าวที่คุณได้ก็จะมีรสชาติที่มีความเค็มนิดนึง นอกจากนี้แล้วคุณก็จะเห็นเครื่องเคียงที่มีการจัดรอบจาน ไม่ว่าจะเป็น กุนเชียงทอดหรือว่าหมูหวานก็จะมีให้คุณเห็น นอกจากกุนเชียงทอดและหมูหวานแล้ว เมนูอาหารข้าวคลุกกะปินี้ก็ยังมีการจัดเครื่องเขียงที่แปลกแตกต่างกับเมนูข้าวประเภทอื่นด้วยการนำเครื่องเขียงที่เป็นผักสดและผลไม้ไทยเข้าไปด้วยเพื่อเป็นการชูรสชาติให้มีความอร่อยเข้าไปอีก อย่าง มะม่วงเปรี้ยวและถั่วฝักยาวสด ข้าวคลุกกะปิ นี้ก็ยังมีการจัดเครื่องเขียงที่แปลกแตกต่างกับเมนูข้าวประเภท ยังไม่หมดเพียงแค่เครื่องเขียงที่ได้กล่าวไปเท่านั้น แต่ยังมีการนำไข่เจียวหั่นฝอย พร้อมด้วยกุ้งหวานที่มีการปรุงเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง ยังมีการฝานหอมแดงและพริกสดเข้าไปอีกด้วย ก็ยิ่งทำให้เมนูข้าวคลุกกะปิยิ่งมีความอร่อย อย่างครบรสไปอีกขั้น จะเห็นได้ว่า เมนูอาหารที่เรียกว่าข้าวคลุกกะปินี้ มีความอร่อยด้วยรสชาติหวาน เค็ม มัน เปรี้ยว และเผ็ด อย่างครบเกือบทุกๆรสชาติก็ว่าได้ หากคุณยังไม่เคยลองเราขอท้าให้คุณลองเลยแล้วคุณจะทราบว่าเมนูข้าวคลุกกะปินี้มีความอร่อยมากแค่ไหน

สะตอผัดกะปิ เป็นเมนูอาหารชื่อดัง  จากทางภาคใต้ ที่มีวัตถุดิบหลักเป็นเม็ดสะตอ  คลุกเคล้ากับความเข้มข้นของน้ำพริกกะปิ  โดยให้กลิ่นหอมที่ยั่วยวนใจ ซึ่งบางคนอาจจะตาลุกวาวได้เมื่อได้กลิ่นทันที แต่บางคนอาจร้องอี๋ตาม ๆ กันไป  ซึ่งอาจเป็นรสนิยมของความชอบที่แตกต่างกัน  สำหรับวันนี้  เรามี 3 เจ้าเด็ดแห่งเมนูสะตอผัดกะปิที่เอาใจคนรักสะตอในแบบ 3 สไตล์กัน                                      1.  สายกลมกล่อม  หากใครแวะเวียนที่ย่านสามเสน  บริเวณใกล้หอสมุดแห่งชาติ  จะต้องพบร้านอาหารที่ขึ้นชื่อในแบบฉบับสูตรชาววัง  ที่ชื่อว่า “ครัวอัปษร (Krua Apsorn” แห่งนี้  ที่คับคั่งไปด้วยอาหารไทยในแบบฉบับชาววัง โดยไม่เน้นในทางเผ็ดร้อนหรือจัดจ้านน้ำหูน้ำตาไหลมากมายนัก  แต่ยังคงรักษาซึ่งความกลมกล่อม  ในแบบบฉบับดั้งเดิมของเมนูอาหารนั้นอยู่  ซึ่งคนรักสะตอจะต้องไม่พลาดกับเมนู สะตอผัดกะปิกุ้ง  ที่ให้กุ้งตัวเน้น ๆ ผสมผสานกับสะตอเม็ดใหญ่ ที่สัมผัสถึงกลิ่นไออาหารใต้อยู่  เพียงแต่ความจัดจ้านอาจถูกดรอปลงไปนิดหน่อย  เพราะคงคอนเซ็ปต์ในรูปแบบสูตรชาววังนั่นเอง           ร้านสายสะดวก อีกหนึ่งร้านอาหารใต้ที่เมนู สะตอผัดกะปิ  ขึ้นชื่อ       2.  สายซี๊ดซ๊าด ต้องร้าน “คั่วกลิ้ง+ผักสด” ที่มีเมนูอาหารใต้ให้เลือกทานมากมายหลายเมนู  และขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นและเผ็ดร้อนถึงใจ  ไม่ว่าจะเป็นคั่วกลิ้ง  แกงเหลือง  หรือทีเด็ดอย่างสะตอผัดกะปิที่ให้ความเข้มข้นของน้ำพริกกะปิในฉบับชาวใต้ แท้ …

กะปิ ที่มากับกลิ่นหอมชวนให้อยากรับประทาน กะปิ มีกลิ่นที่เฉพาะตัวและเป็นเอกลักษณ์มาก ใครที่ชอบทานก็บอกเลยว่ากะปิสามารถนำไปทำอาหารได้มากมายหลายชนิด ส่วนใครที่ไม่ทานกระปิก็อาจจะเป็นเพราะกลิ่นที่แรงมาก ๆ ของเจ้าตัวกะปิเองก็เป็นได้ วันนี้แอดอยากที่จะมาแนะนำ 3 เมนูอาหารที่ทำจากกะปิ หอมอร่อยเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทนแน่นอน สามารถทำทานเองได้ที่บ้านแบบง่าย ๆ เลยอีกด้วย เมนูอาหารที่ทำจากกะปิ ที่แอดอยากที่จะมาแนะนำ เมนูแรก คือ หมูผัดกะปิ เป็นเมนูอาหารที่มีในเรื่องของกลิ่นที่มาเต็มไม่ว่าจะเป็นกลิ่นจากสมุรไพรที่ใส่ลงไปหรือเป็นกลิ่นที่มาจากกะปิเอง วัตถุดิบที่ต้องเตรียมก็จะมี กะปิ หมู ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า กระเทียม หอมแดง และเครื่องปรุงรสต่าง ๆ วิธีทำสุดง่าย นำพริก กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ไปโขลกให้ละเอียดจากนั้นนำลงไปผัดกับหมูที่เราเตรียมมาในกระทะให้สุก ปรุงรสชาติของอาหารตามใจชอบ คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำใส่จานโรยด้วยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้า ก็เรียบร้อบกับเมนูอาหารแสนอร่อย กะปิ วัตถุดิบคู่ครัวคนไทย เมนูอาหารที่ทำจากกะปิ ที่แอดอยากที่จะมาแนะนำ เมนูที่สอง คือ ข้าวคลุกกะปิ เมนูอาหารที่ถ้าพูดถึงกะปิ เราจะต้องนึกถึงข้าวคลุกกระปิเป็นอย่างแรก สิ่งที่เตรียมก็จะมีข้าว กะปิ กระเทียม ผักชี วิธีทำ นำข้าวไปผัดกับกระปิปรุงรสชาติให้เค็มหวานตามที่เราชอบ และทานคู่กับเครื่องเคียง …

หากว่าการทานอาหารในแต่ละมื้อนั้นมันมีความน่าเบื่อ ดูแล้วเบื่อๆอาหารเราขอลองให้คุณชิมเมนูที่เราจะนำเสนอนี้ดู เรารับรองได้เลยว่า เมนูอาหาร ที่จะนำเสนอนี้แม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนที่ชอบทานอาหารประเภทนี้เป็นพิเศษ แต่ขอรับรองเลยว่าถ้าคุณได้ทานแล้วคุณจะติดใจแล้วอยากจะทานในทุกๆมื้อเลย เมนูนั้น ก็คือ ข้าวน้ำพริกกะปิซูชิ เป็นเมนูที่มีการรังสรรค์ให้ ข้าวน้ำพริก มีความกิ๊บเก๋ด้วยการตกแต่งข้าวให้มาเป็นซูชิเป็นก้อนๆ ได้ฟีลในการทานอาหารแบบญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ข้าวน้ำพริกกะปิซูชิ เมนูกิ๊บเก๋ที่ควรลอง ซูชิเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่มีที่มาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเมนูนี้เข้ามาในไทยหลายปีแล้ว ฉะนั้น เราจะเห็นได้ว่าหากมีซูชิที่ไหนคนไทยเราก็จะมีการอุดหนุนไปทานกลับบ้านเสมอ ไม่ซื้อไปทานก็อาจจะทานที่ร้านเลยก็ได้ จึงทำให้รูปแบบของซูชิเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการทำอาหารไทยได้ไม่ยาก ยิ่งเป็นเมนูข้าวแล้วก็ยิ่งทำได้ง่าย เพราะด้วยพื้นฐานของซูชินั้นก็มีข้าวเป็นส่วนผสมหลักอยู่แล้ว หากน้ำเมนูข้าวน้ำพริกกะปิมาทำเป็น ข้าวน้ำพริกกะปิซูชิ ก็ไม่ยากอะไรเลย มันอาจจะยากในช่วงที่คุณต้องพิถีพิถันในการทำสักหน่อย แต่เพื่อความอร่อยและหน้าตาที่น่าทานก็ไม่เป็นการเสียเวลาในการทำเลย จะเห็นได้ว่าข้าวน้ำพริกกะปิซูชิเป็นเมนูที่ถูกใจคนชอบกินซูชิเป็นอย่างมาก ฉะนั้น สาวกซูชิไม่ควรพลาดไปเลย แต่ไม่เพียงเฉพาะคนที่ชอบเท่านั้น แม้แต่คนที่ไม่ค่อยชอบทานซูชิแต่เมื่อเห็นว่าเป็นข้าวน้ำพริกกะปิล่ะก็ต้องเปลี่ยนใจเลยทีเดียว เพราะความอร่อยของข้าวน้ำพริกกะปินั่นเอง ส่วนใครที่อยากลิ้มลองความอร่อยบอกเลยว่าทำไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าไม่เชื่อไปลองทำเมนูนี้กันเลย

วันนี้เรามาแนะนพวิธีทำอาหารทางภาคเหนือ ให้คุณได้ทำทานกันค่ะ รับรองว่าเป็นเมนูเด็ดที่คุณจะต้องชอบและกลายเป็นเมนูประจำครัวแน่นอนค่ะ เมนูแกงขนุนใส่ซี่โครงหมู แกงที่มีผลไม้ประกอบแต่พอได้ทานก็เข้าแบบสุดๆ รสชาติอร่อยไม่เผ็ดไปไม่หวานไป รสชาติออกสามรสทานแล้วกับต้องเปิ้ลข้าวเลยค่ะเมนูนี้ พิมไปน้ำลายจะไหลและเป็นเมนูที่ทำง่าย วัตถุก็หาง่าย งั้นอย่ารอช้าค่ะมาดูขั้นตอนการทำกันดีกว่า การเตรียมวัตถุดิบ เมนูแกงขนุนใส่ซี่โครงหมู ซี่โครงกระดูกหมู จำนวน 1 ถ้วย  (หั่นเป็นชิ้นพอทาน) ยอดชะอมอ่อน ปริมาณ ครึ่งถ้วย เนื้อขนุนดิบ จำนวน 1 ถ้วย (หั่นเป็นพอทาน) ผักชีฝรั่ง จำนวน  1 ต้น (ซอยหยาบๆ) มะเขือเทศ จำนวน 2 ลูก (ผ่าครึ่ง)  ใบชะพลู จำนวน  3 ใบ หอมแดง จำนวน  3 หัว พริกแห้ง จำนวน 4 เม็ด กะปิ ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม จำนวน 2 หัว …

ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะยังมี แกงคั่วหอยขมสูตรโบราณ วางขายตามตลาด ให้เราได้เลือกซื้อมาทานกันอย่างสะดวก แต่ก็ใช่ว่าจะได้รสถูกปากเหมือนกับเราทำทานกันเอง เพราะแกงหอยจะต้องมีความสะอาดเป็นอันดับหนึ่ง หากทานไปแล้วเจอกรวดทราย ก็เสียอรรถรสไปมากเหลือเกินแล้ว ยิ่งถ้าเครื่องแกงไม่ถึง รสจัดไม่พอ มันก็จะกลายเป็น เมนูอาหาร ชวนเลี่ยนแค่ชามหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นเรามาเข้าครัวแล้วลงมือแกงกันเองเลยดีกว่า             เพื่อความสะดวกในการทำและการทาน เราจึงต้องประยุกต์วัตถุดิบเล็กน้อย คือเราจะใช้หอยสำเร็จรูปแทนหอยขมที่ใช้กันใน แกงคั่วหอยขมสูตรโบราณ อย่างน้อยก็จะได้ลดขั้นตอนการตัดก้นหอยออกไป และดูแลเรื่องความสะอาดได้ง่ายกว่า คนที่ไม่สะดวกใจจะจัดการกับหอยที่ยังเป็นๆ อยู่ก็จะได้มีทางเลือก แนะนำว่าจะเป็นหอยขมแกะเปลือก หอยแมลงภู่ หรือหอยลายก็ได้เหมือนกัน นำหอยเหล่านั้นมาล้างให้สะอาดแล้วแช่น้ำเกลือไว้สักพัก เตรียมโขลกเครื่อง แกงคั่วหอยขมสูตรโบราณ อันประกอบด้วยพริกแห้ง ข่า ตะไคร้ หอมแดง กระเทียม กะปิ และเกลือป่น เน้นใส่สมุนไพรให้มากและโขลกจนกว่าจะเนื้อเนียน แกงจะอร่อยหรือไม่ก็อยู่ที่เครื่องแกงนี่เอง จากนั้นก็หันไปเตรียมผักที่จะนำมาใส่แกง ที่ขาดไม่ได้เลยคือใบชะพลูและยอดชะอม ส่วนที่เหลือจะใส่อะไรเพิ่มเติมก็แล้วแต่ความชื่นชอบ จัดการล้างและหั่นเอาไว้ให้เรียบร้อย             เมื่อของทุกอย่างครบแล้วก็เริ่มทำแกงคั่วหอยขมสูตรโบราณได้ โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ตักเครื่องแกงลงไปผัดจนหอม เติมหัวกะทิลงไปเคี่ยวให้แตกมันค่อยใส่เนื้อหอย ถ้ามีผักที่สุกช้า เช่น มะเขือ ข้าวโพดอ่อน เป็นต้น ให้ใส่ตามเนื้อหอยลงไปได้เลย สังเกตว่าหอยสุกดีแล้วก็เติมหางกะทิลงไป กะประมาณอย่าให้น้ำมากนัก …

นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่จังหวัดสมุทรสาคร ทำให้เกิดความหวาดหวั่นถึงความไม่ปลอดภัยของการบริโภคอาหารทะเล เช่น ปลาทะเล ปลาหมึกและกุ้ง จนในช่วงหลังต้องมีการออกมาให้ความรู้ว่าอาหารทะเลสดเหล่านี้ไม่ใช่พาหะแพร่เชื้อ ซึ่งหากจะว่าไปแล้วการบริโภคอาหารทะเลในสมัยปัจจุบันสามารถรับประทานได้ง่ายด้วยไปซื้อที่ตลาด แต่เชื่อหรือไม่ว่าการบริโภคอาหารทะเลใน มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ นั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาแล้ว           พ.ศ.2230 มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์  เอกอัครราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ได้ทูลพระราชสาส์นจากฝรั่งเศสมายัง สมเด็จพระนารายณ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา โดยช่วงที่เจ้าตัวอยู่ในอยุธยาราว 3 เดือน ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้มากมายและหนึ่งในนั้นคือการพูดถึงพฤติกรรมการรับประทานอาหารของชาวอยุธยาไว้อย่างน่าสนใจ           ในอยุธยาเป็นเมืองที่มีแม่น้ำและลำคลองมากมาย ทำให้ผู้คนนิยมการจับปลาขึ้นมารับประทานกับข้าว เป็นอาหารหลัก พร้อมรับประทานร่วมกับน้ำพริกกะปิ (ลาลูแบร์เรียกว่ากะปิเน่า เพราะมีกลิ่นแรง) หรือในบางครั้งจะมีการนำปลาไปถนอมอาหารด้วยกรรมวิธีตากแห้งและหมักดอง โดยการดองปลากระดี่ หรือที่เรียกว่าปลาร้าเป็นอาหารชั้นเลิศของที่นี่ ทำให้ก่อนกลับมีผู้มอบปลาร้าแก่ ลาลูแบร์ กลับไปรับประทานที่ฝรั่งเศสด้วย           ในส่วนของ อาหารทะเล จะมีขายบริเวณทางทิศใต้ของเกาะเมืองอยุธยา ซึ่งมีหอยแมลงภู่ หอยกะพง ปูทะเล แมงดา กุ้ง และปลาทะเล ที่เนื้อดีมีคุณภาพ (แต่ลาลูแบร์ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นปลาชนิดอะไร) โดยเรือเหล่านี้จะทำประมงที่ปากแม่น้ำทางทิศใต้ เช่น สมุทรสาคร …

เมนูอาหารของชาวปักษ์ใต้นั้นต้องบอกเลยว่ามีหลากหลายเมนูมาก แต่ละเมนูนั้นก็แซ่บ มีความเผ็ดจัดจ้าน อย่างมากและสีสันของอาหารเองก็มีสีที่สดและสวยงามด้วยเครื่องแกง แต่ถ้าหากจะให้เลือกเมนูที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของชาวปักษ์ใต้อย่างชัดเจนก็ต้องเลือกเมนู ข้าวผัดสะตอหมูกรอบ เพราะว่าเมนูนี้เป็นเมนูอาหารปักษ์ใต้ ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นคนใต้ ด้วยวัตถุดิบที่ เรียกว่า สะตอนั่นเอง สะตอ ถือเป็นผักชนิดหนึ่งที่ปลูกในทางภาคใต้และนิยมนำมาทำเป็นอาหาร ซึ่งในเมนู ข้าวผัดสะตอหมูกรอบ เอง สะตอก็เป็นพระเอกหลักของเมนูนี้และถือได้ว่าเป็นเมนูอาหารปักษ์ใต้ที่ยิ่งกินก็ยิ่งหรอยอย่างแรง เพราะด้วยสะตอที่มีความฝาดผสมด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ยิ่งกินก็ยิ่งทำให้เมนูอาหารในมือนั้นอร่อย แบบไม่เหมือนเมนูอาหารใดๆเลย ข้าวผัดสะตอหมูกรอบ มีสะตอเป็นพระเอกหลักของเมนูนี้ ในเมนูข้าวผัดสะตอหมูกรอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นเมนูอาหารปักษ์ใต้ที่มีวัตถุดิบง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นสะตอที่มีการจัดเตรียมไว้อย่างดีโดยมีการปอกเปลือกให้เรียบร้อย หรือว่าจะเป็นหมูสามชั้นที่นำมาทอดให้กรอบ เป็นต้น นอกจากวัตถุดิบหลักอย่างสะตอหรือว่าหมูสามชั้นที่นำมาทอดกรอบแล้ว เมนูข้าวผัดสะตอหมูกรอบนั้นยังมีเครื่องปรุงอื่นๆที่คุณสามารถจะนำมาใส่ลงในเมนูนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันหอยหรือจะเป็นน้ำพริกกะปิ ก็สามารถที่จะนำมาผัดกับเมนูนี้ได้ก็ยิ่งทำให้รสชาติอาหารของเมนูนี้แสดงถึงอาหารปักษ์ใต้อย่างแท้จริง จะเห็นได้ว่า เมนูข้าวผัดสะตอหมูกรอบเป็นอาหารปักษ์ใต้ที่เรียกได้เลยว่ามีความแปลกไม่เหมือนเมนูอาหารใดๆ เพราะมีการนำน้ำพริกกะปิเข้ามาผัดกับข้าว พร้อมกับการโรยด้วยสะตอที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของภาคใต้ที่ใครๆเห็นแล้วก็ต้องบอกว่าหรอยจังฮู้

เมนูอาหารที่เรียกว่า ต้มส้มนั้น ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่า ต้มส้ม  มีการใส่ผักที่มีความเปรี้ยว อย่างเช่น ใบมะขามแขก ซึ่งใบมะขามแขกนั้นก็จะมีรสชาติที่ทำให้เมนูต้มส้มมีความเปรี้ยวหรืออาจจะใส่ผักชนิดอื่นๆก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นผักบุ้งก็สามารถที่จะทำให้เป็นต้มส้มได้เช่นเดียวกัน แต่ยังมีอีกหนึ่งเมนูที่มีความแปลกแตกต่างจากต้มส้มอื่นๆ นั่นก็คือ ต้มส้มเห็ด ซึ่งบอกได้เลยว่าต้มส้มเห็ดนั้น จะทำให้ผู้รับประทานมีความหอมตัวเห็ดที่ใส่เข้าไปในเมนู ต้มส้มเห็ด เป็นต้มส้มชนิดหนึ่งที่มีการใส่เห็ดหลายๆพันธุ์เห็ดด้วยกัน  ไม่ว่าจะเป็น เห็ดฟาง เห็ดหูหนู และนอกจากเห็ดที่ใส่ในต้มส้มนี้แล้ว ก็ยังมีเครื่องปรุงอื่นๆอีกด้วยที่จะทำให้เมนูต้มส้มเห็ดนั้นมีความอร่อย ไม่ว่าจะเป็นน้ำสต๊อกเห็ดที่มีการเตรียมไว้อย่างเพียงพอหรือว่าจะเป็นตะไคร้ที่มีการหั่นเป็นท่อนๆ หรือว่าจะเป็นข่าที่มีการหั่นเป็นแว่นๆไว้ นอกจากนี้ก็ยังมีขมิ้นสด และดอกกะหล่ำที่สามารถจะใส่เข้าไปในเมนูต้มส้มเห็ดได้อีกด้วย ที่กล่าวมานั้นไม่ใช่เพียงแค่วัตถุดิบเล็กๆน้อยๆที่มีการใส่เข้าไปในเมนูต้มส้มเห็ดแต่ยังมีซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย หรือแม้แต่กะปิก็สามารถที่จะใส่ได้ เพื่อให้ต้มส้มนั้นมีความกลมกล่อม จะเห็นได้ว่า เมนูต้มส้มเห็ดเป็นเมนูอาหารที่มีความกลมกล่อมอย่างลงตัว เนื่องด้วยเครื่องปรุงที่มีการปรุงเข้าไปในเมนูต้มส้มนั่นเอง นอกจากวัตถุดิบที่เป็นเห็ดและเครื่องปรุงต่างๆที่ใส่เข้าไปแล้ว ก็ยังสามารถที่จะใส่ใบมะกรูดและพริกเพื่อทำให้เมนูต้มส้มนั้นมีความหอมขึ้นไปอีกได้