เมนูอาหารที่ไม่มีขายนั้นแน่นอนว่าเราจะต้องทำกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น ครัวในบ้าน ทั้งนั้นที่จะบรรจงแต่งแต้ม รังสรรอาหารจานต่าง ๆ ให้น่ารับประทาน และอาหารบางอย่างก็จะมีเฉพาะบ้าน หรือเฉพาะครอบครัวเท่านั้น เพราะว่ามีการเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนวัตถุดิบบางประเภท เพราะฉะนั้นแล้ว ครัวในบ้าน จึงเป็นอาหารที่ไม่ว่าบ้านไหน ๆ หรือ ครอบครัวใด ๆ ก็ไม่สามารถลอกเลียนให้เหมือนได้ และก็ไม่มีขายในร้านค้าหรือร้านอาหารไหน ๆ อย่างแน่นอน ถ้าอยากจะทานก็ต้องทำทานเอง และถ้าอยากให้อร่อยก็ต้องปรุงเอง
สำหรับบทความนี้ครัวในบ้านจะนำเสนออาหาร 3 เมนูที่รับรองว่าไม่มีขายตามท้องตลาดอย่างแน่นอน ซึ่งเมนูแรกนี้ขอนำเสนอกับเมนู “แกงส้ม” แต่ไม่เหมือนกับแกงส้มที่เคย ๆ รับประทานกันแน่นอนเพราะ แกงส้มนี้ไม่ได้ใช้เนื้อสัตว์ที่เป็นปลา หรือกุ้ง แต่ใช้เป็นหมูสามชั้น และไม่ใช้ผักต่าง ๆ ที่เคยทานอย่างกะหล่ำปลี ผักกาดขาว หรือผักกะเฉด แต่เป็น กระเจี๊ยบเขียวซึ่งจะทำให้รสสัมผัสของแกงส้มมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
สำหรับส่วนผสมของพริกแกงอาจจะเหมือน ๆ กับน้ำพริกแกงส้มทั่วไป คือ พริกจินดามณ๊แห้ง พริกขี้หนูแห้ง หอมหัวแดง กระชาย กะปิ โขลกให้เข้ากัน ตั้งน้ำต้มเนื้อหมูสามชั้นกับเกลือเล็กน้อย และหมั่นคอยช้อนไขมันที่ออกมาทิ้ง ระหว่างนี้ก็เตรียมหั่นกระเจี๊ยบเขียวแนวขวาง เมื่อหมูสามชั้นต้มเดือดดีแล้ว ยกหมูสามชั้นลงหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำ นำพริกแกงไปต้มกับน้ำซุปหมูที่ได้
เมื่อเครื่องแกงเดือดใส่หมูสามชั้นที่ต้มแล้ว ใส่กระเจี๊ยบเขียว ตั้งต่อให้สุกได้ที่ ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ให้รสเปรี้ยวนำ เมื่อรสชาติได้ที่แล้วยกลงเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ และไข่เจียวฟู ก็จะอร่อยแบบไม่ต้องง้อร้านอาหารไหน ๆ กับครัวในบ้านของเราเอง
(รูปที่ 1) แกงส้มหมูสามชั้นกระเจี๊ยบเขียว
อาหารจานที่ 2 ที่ไม่มีขายและครัวในบ้านขอนำเสนอนั่นก็คือ “หลนน้ำพริกปลาร้าหมูสับ” ทำไมถึงเป็นทั้งหลน ทั้งน้ำพริกเพราะว่าก็อยากทานทั้งหลนและน้ำพริกนั่นเอง วิธีการทำนั้น ขั้นตอนแรกต้มนำปลาร้ากับตะไคร้และใบมะกรูดให้เดือดให้หอม กรองเอาแต่น้ำปลาร้า (จะใช้ปลาร้าแบบไหนก็ได้
โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียวชอบปลาร้าปลาช่อน และปลาร้าปลานิล) จากนั้นตั้งกระทะคั่วพริกชี้ฟ้า พริกหนุ่ม พริกขี้หนู หอมหัวแดงและกระเทียม ตำให้พริกละเอียดเข้ากันดี สับหมูให้ละเอียด (เลือกให้หมูสามชั้นจะอร่อยที่สุด) ตั้งหม้อใส่น้ำปลาร้ากับพริกที่โขลกไว้และหมูสับที่เตรียมรอให้เดือดโดยใช้ไฟกลาง
(เมนูนี้ไม่ใช้กะทิแต่ถ้าท่านไหนต้องการให้มันขึ้นไปอีกก็แนะนำใส่หัวกะทิไปด้วย) ปรุงรสให้อร่อยถ้าขอบในรสเปรี้ยวก็อาจจะบีบมะนาวหรือใส่น้ำมะขามเปียกลงไปเล็กน้อย เมื่อเดือดได้ที่แล้วตอกไข่ใส่ลงไปตีให้แตกแล้วรอให้เดือดอีกครั้ง ยกลงทานแกล้มผักสด ผักลวก ผักต้มต่าง ๆ ตามชอบ อาจะเพิ่มข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวเหนียวอีกสักปั้นก็จะเพิ่มความอร่อยเข้าไปอีกเป็นความสุขเล็ก ๆ ของครัวในบ้านที่รับรองว่าไม่มีขายที่ไหนเป็นแน่นอน
(รูปที่ 2) น้ำพริกหลนปลาร้าหมูสับ
เมนูไข่พะโล้นี้อาจจะดูเหมือนว่ามีขายทั่วไปตามท้องตลาด แต่ที่ไม่มีขายแน่ ๆ เพราะว่าเมนูนี้เป็นเมนูเฉพาะครัวในบ้านซึ่งไม่ได้ใส่ซีอิ๊วดำ หรือจะเรียกว่าเป็นอาหารสูตรโบราณก็ว่าได้ เริ่มต้นที่ต้มไข่แล้วปอกเปลือกไว้ก่อน (แนะนำว่าเป็นไข่เป็ดจะอร่อยกว่า) จากนั้นเตรียมหม้อใส่น้ำตาลทรายแดงตั้งไฟกลางโล้หม้อไปเรื่อย ๆ (กลิ้งหม้ออย่าหยุดเพราะอาจจพทำให้น้ำตาลไหม้ได้)
ให้น้ำตาลละลายมีสีเหมือนคาราเมล (เน้นย้ำว่ายังไม่ต้องใส่น้ำจนกว่าได้สีที่ต้องการ) เตรียม 3 เกลอ (กระเทียม รากผักชี พริกไทยโขลกให้เข้ากัน) ตั้งกระทะเจียวน้ำมันจากหมูสามชั้นเมื่อได้น้ำมันตามที่ต้องการผัด 3 เกลอ ใส่เครื่องพะโล้ที่คั่วแล้ว (อบเชย โป๊ยกั๊ก กระวาน ลูกผักชี ข่า กระเทียม) จากนั้นนำสิ่งที่ผัดไว้ในกระทะลงไปใส่หม้อที่เตรียมไว้ (น้ำตาลทรายที่เคี่ยวแล้ว)
รอจนเดือดใส่ไข่ต้มสุกที่ปอกเปลือกไว้แล้วต้มต่อไปจนเดือด ปรุงรสให้อร่อย (พะโล้จำเป็นต้องมีรสหวานนำแต่ไม่ควรหวานเลี่ยน) เมื่ออร่อยตามที่ใจปรารถนาแล้วตั้งต่อด้วยไฟอ่อนจนสีของไข่เป็นสีเดียวกับน้ำพะโล้ ยกลงเสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ ก็เป็นเสน่ห์ปลายจวักของครัวในบ้านที่สามารถมัดใจได้ทั้งพ่อบ้านและลูก ๆ แล้วเผลอ ๆ มัดใจไปถึงบ้านใกล้เรือนเคียงที่ติดใจในรสมือของคุณแม่บ้านอีกต่างหาก รับรองอีกด้วยว่าเมนนูนี้ไม่มีขายอย่างแน่นอน
