หากคุณได้ลองมาเที่ยวจังหวัดทางภาคเหนืออย่างเชียงใหม่ เชียงราย คุณจะพบกับเมนูอาหารยอดฮิตของคนในแถบนี้อย่าง “หมาล่า” ซึ่งเป็นอาหารต้นตำหรับจากประเทศจีนสำหรับหมาล่านั้น “หมา” ภาษาจีนกลาง หมายถึง อาการชาที่ปลายลิ้น ส่วนคำว่า “ล่า” หมายถึง รสชาติที่เผ็ดร้อน
ดังนั้น “หมาล่า” จึงหมายถึง อาหารที่มีรสชาติเผ็ดร้อนเมื่อได้ทานจะรู้สึกชาที่ปลายลิ้น ซึ่งมีต้นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน ฝั่งของมณฑลเสฉวน หูหนาน กุ้ยโจว มีเครื่องเทศที่ลักษณะคล้ายกันกับพริกป่นของประเทศไทย แต่จะเรียกว่า “ฮวาเจียว” เป็นส่วนผสมหลัก มีลักษณะคล้ายกับเม็ดพริกไทยดำของบ้านเรานั่นเอง
หากเป็นหมาล่าตามแบบฉบับจีนเสฉวนนั้น สามารถใช้หมาล่าปรุงอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด อีกทั้งนิยมยังหมักเนื้อแกะอย่างมาก เพราะสามารถดับกลิ่นสาบของเนื้อได้ดี แต่สำหรับ“หมาล่า”ที่เข้ามาแพร่หลายในไทยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอาหารปิ้งย่างเสียมากกว่า
ด้วยเพราะเชียงใหม่นั้นเป็นเมืองแห่งอาหารปิ้งย่างอยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปทางไหนก็มักจะเจอกันร้าน ชาบู หมูกระทะ สไตล์ปิ้งย่างแทบทั้งนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีหมักเนื้อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู ไก่ วัว ปลาหมึก หรือเครื่องใน ผักต่างๆ มาหมักแล้วย่างและปรุงรสด้วยพริกหมาล่าที่เป็นตัวชูโรง ทำให้มีรสชาติที่ถูกอกถูกใจทุกคนที่ได้ลิ้มรส
อีกทั้งประโยชน์มากมาย เพราะการทาน“หมาล่า”นั้นช่วยบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก ลดความดันโลหิต ช่วยในเรื่องโลหิตจาง บำรุงเลือด หัวใจ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ดี ช่วยขับลมและย่อยอาหาร รวมไปถึงหากทานในระดับที่เผ็ดอย่างพอดี จะช่วยให้รู้สึกเจริญอาหารมากขึ้น
และสำหรับคุณผู้หญิง ยังเป็นช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติอีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์ครบเครื่องและรสชาติอร่อย จึงไม่น่าแปลกใจที่“หมาล่า”นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก ที่สำคัญหาทานได้ง่าย และราคาไม่แพง มีตั้งแต่ราคา 5-30 บาท แล้วแต่ชนิดและร้านค้าที่เลือกทานด้วย
“หมาล่า”นั้นไม่ได้มีเฉพาะแบบปิ้งย่างเท่านั้น ที่กำลังได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ หมาล่าแบบที่เป็นน้ำซุปทานแบบชาบู ด้วยรสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อน ทำให้หลายคนชื่นชอบ หรือแม้แต่การนำหมาล่าไปปรุงรสกับอาหารชนิดต่างๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน
อาจมีขายในรูปแบบของอาหารกึ่งสำเร็จรูปทั่วไปที่วางขายในออนไลน์ หรือตามซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น ข้าวตุ๋นหม้อไฟรสหมาล่า มันฝรั่งทอดกรอบรสหมาล่า สาหร่ายอบกรอบรสหมาล่า เป็นต้น
